top of page

วันสงกานต์

ประวัติความเป็นมาวันสงกานต์

            คำว่า"สงกรานต์" แปลว่า ผ่าน หรือการเคลื่อนย้ายเข้าไป ในที่นี้หมายถึงเป็นวันที่พระอาทิตย์ผ่านหรือเคลื่อนย้ายจากราศีมีน เข้าสู่ราศีเมษ ในเดือนเมษายน ถือเป็นช่วงสงกรานต์หากพระอาทิตย์เคลื่อนย้ายในช่วงเดือนอื่นๆ ถือเป็นการเคลื่อนย้ายธรรมดา

        ในวันที่พระอาทิตย์ยกสูงขึ้นในเดือนเมษายน จะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 จะเรียกวันมหาสงกรานต์และเป็นวันเวลาที่ตั้งต้นสู่ปีใหม่ เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ตามการคำนวณของโหราศาสตร์ เพราะสมัยโบราณเรานับเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปี ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้กำหนดให้ใช้ วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งในปี พ.ศ.2432 ตรงกับวันที่ 1 เมษายน นับเป็น วันขึ้นปีใหม และใช้เรื่อยมา เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมเนียมโบราณ เนื่องจากหากนับทางจันทรคติจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 คือวันสงกรานต์หรือวันที่ดวงอาทิตย์ย้านจากราศีเมษไปสู่ราศีมีนไปสู่ราศีเมษนั้นเอง และได้ใช้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่เรื่อยมาถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับทางจันทรคติก็ตาม

       ต่อมา ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2483 คระรัฐบาลของ จอมพลป.พิบูลสงคราม ได้ประกาศให้ใช้วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2484 เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพือให้สอดคล้องกับประเทศอื่นๆ เป็นสากลโลก และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังถือเอาวันที่ 15 เมษายน เป็นวันครอบครัว อีกด้วย

 นิทานเกี่ยวกับวันสงกรานต์
      นิทานเกี่ยวกับวันสงกรานต์ กล่าวถึงสมัยโบราณกาลมีเศรษฐีผู้หนึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้นักเลงสุราซึ่งมี บุตร 2 คนแต่เศรษฐีไม่มีลูก วันหนึ่งนักเลงสุราได้กล่าววาจาเยาะเย้ยเศรษฐีว่ามีแต่ทรัพย์สมบัติแต่ไม่มีลูกไว้สืบสกุล เมื่อตายไปแล้วสมบัติที่หาไว้ก็จะสูญสิ้นไป เศรษฐีเห็นว่าจริงตามที่นักเลงสุรากล่าว จึงไปทำพิธีบวงสรวงขอลูกกับพระอาทิตย์ ใช้เวลาขอบุตรถึง 3 ปี แต่ก็ไม่สมปรารถนาในปีต่อมา เศรษฐีพาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำเอาข้าวสารล้างน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชากับเทวดา ณ ต้นไทรพร้อม ข้าวแกงและประโคมดนตรีตั้งจิตอฐิษฐานขอบุตรต่อรุกขเทวดา

      ต่อมา ธรรมบาลเทพบุตรได้ลงมาปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาของเศรษฐี เมื่อคลอดแล้วได้ชื่อว่า"ธรรมบาลกุมาร" ปลูกปราสาทอยู่ใกล้ริมน้ำเมื่ออายุ 7 ขวบ สามารถเรียนรู้ภาษาสัตว์ต่างๆได้ ได้สั่งสอนชาวบ้านจนเป็นที่เคารพนับถือของชาวชมพูทวีปทั้งหลาย ในขณะนั้นท้าวกบิลพรหม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าท้าวมหาสงกรานต์ก็เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านเช่นกัน ทราบว่าธรรมบาลกุมารก็เป็นที่เคารพของชาวบ้านเช่นกัน จึงลงมาท้าพนันถามปัญหา 3 ข้อ หากธรรมบาลกุมารตอบไม่ได้ ต้องตัดศีรษะมาบูชาตน หากตอบได้จะตัดศีรษะตนเองมาเป็นเครื่องบูชาธรรมบาลกุมาร

ปัญหาทั้ง 3 ข้อ มีดังนี้ 
เวลาเช้า ราศีอยู่ที่ไหน

เวลาเที่ยง ราศีอยู่ที่ไหน

เวลาค่ำ ราศีอยู่ที่ไหน

      ธรรมบาลกุมารขอเวลา 7 วัน เพื่อคิดไตร่ตรองปัญหา เมื่อเวลา ผ่านไป 6 วัน ก็ยังไม่สามารถ เฉลยปริศนาได้ จึงคิดว่าตนต้องถูกตัดศีรษะแน่ๆ จึงซ้อนตัวอยู่ในปราสาทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีต้นตาล 2 ต้น มีนกอินทรี 2 ผัวเมีย ทำำรังอยู่ บังเอิญได้ยินนกอินทรีผัวเมียคุยกันเรื่องของตน

นางนกอินทรี              : พรุ่งนี้เราจะไปหากินที่ไหนดีล่ะ
อินทรีผู้เป็นสามี           : ไปกินเนื้อธรรมบาลกุมาร เพราะตอบปัญหาท้าวกบิลพรหมไม่ได้
นางนกอินทรี              : ปัญหานั้นว่าอย่างไร และตอบว่าอย่างไรท่านรู้หรือไม่
อินทรีผู้เป็นสามี           : ข้ารู้ซิ จะเฉลยปัญหาให้ฟัง คือ เวลาเช้า ราศีอยู่ที่หน้า  คนทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างหน้า

        เมื่อธรรมบาลกุมารได้ยินคำเฉลยก็ดีใจและจดจำได้อย่างขึ้นใจ แล้วกลับไปที่ปราสาทของตนรอท้าวกบิลพรหม ด้วยเหตุนี้ท้าวกบิลพรหมจึงต้องพ่ายแพ้ตัดหัวถวายธรรมบาลกุมารตามสัญญาแต่ศีรษะของท้าวกบิลพรหม ตั้งไว้บนพื้นดินไฟจะไหม้ทั่วโลก ถ้าโยนขึ้นบนฟ้าท้าวกบิลพรหมจึงต้องเรียกธิดาทั้ง 7 ของตน มาเป็นรองรับศีรษะของตนไว้ และสั่งให้พลัดกันดูแลรักษา

       ครั้นแล้วท้าวกบิลพรหมได้ตัดศีรษะของตนส่งให้นางทุงษะธิดาคนโต  นางทุงษะมหาสงกรานต์ นำพานที่ใส่พระเศียรของท้าวกบิงพรหม นำเหล่าเทพบริษัทแห่เวียนขวา รอบเขาพระสุเมธ 60 นาที แล้วอัญเชิญเข้าไปประดิษฐ์ในมณฑลถ้ำคันธุลีไกรลาศกระทำการบูชาด้วยเครื่องทิพย์ต่างๆ พระเวสสุกรมก็เนรมิตรโรงแก้ว ด้วยแก้ว 7 ประการ ชื่อภควดี ให้เป็นที่ประชุมเทวดาเทวดาทั้งปวงก็นำเอาเถาไม้ที่ใช้สำำหรับทำน้ำโสม หรือสุรามาล้างในสระอโนดาตเจ็ดครั้งแล้วแจกกันสังเวยทุกพระองค์

       เมื่อครบ 1 ปี ธอดาของท้าวกบิลพรหมจะทำการแห่ เศียรของผู้เป็นบิดา เวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ แล้วนำำกลับไปเทวโลก

bottom of page